เพราะตามหลักของพลังงาน หินที่มาจากแต่ละแหล่งทั่วโลก ไม่รู้ว่ามีพลังของอะไรติดมาบ้าง
ร้านจำหน่ายหินในต่างประเทศบางร้าน ไม่อนุญาตให้สัมผัสเลือกชมหินเลยค่ะ
หินจะอยู่ในตู้โชว์ และเมื่อคุณเลือกจะเป็นเจ้าของแล้ว จึงจะได้สัมผัสหินเส้นนั้น
หลายคนอาจสงสัยว่าความเชื่อหรือหลักคิดนี้ เป็นเรื่องจริงหรือไม่?
ให้คุณนึกถึงอาถรรพ์ของเครื่องประดับต่างๆ เช่น อาถรรพ์แหวนประจำตระกูล หรืออาถรรพ์ติดมากับเพชร นิล จินดา ของโบราณ ตำนานเล่าขานเรื่องราวเหล่านี้มีเยอะนะคะ ลองหาอ่านกันได้ หรือคุณอาจจะเคยได้ยินคนโบร่ำโบราณบอกสอนเราว่า ไปสถานที่โบราณสถานหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ อย่าไปหยิบอะไรกลับมานะ บางคนไปเก็บก้อนหินจากโบราณสถานมาถึงบ้านฝันว่ามีคนมาทวงคืน เรื่องราวทำนองนี้เราก็ได้ยินมามากมาย หรือบางคนก็เคยประสบพบเจอกับตัวเองมาแล้ว...ใช่ไหมคะ
นี่จึงเป็นที่มาว่า ทำไมเมื่อเราได้หินมาแล้ว จึงต้องมีการชำระล้างพลังลบที่ติดมา หรือพลังแห่งเจ้าของเดิม หรือผู้ใหญ่เคยเมตตาสอนปริณไว้เรื่อง พลังปรมณูธาตุ ที่มีทั้งดี และไม่ดี ทุกครั้งก่อนที่ปริณจะนำหินมาร้อยและส่งต่อ จึงต้องนำหินไปล้างในทะเลก่อน ไปทะเลจริงๆ เพราะเราจะได้พลังธาตุทั้ง 4 ครบถ้วน ทั้ง ดิน น้ำ ลม ไฟ ปริณไปทุกรอบค่ะ ได้หินมาจะมากน้อยก็ต้องไปทะเล ไปเพื่อความสบายใจของเรา ว่าหินที่ผ่านมือเราไปนั้น ไม่มีพลังลบติดไปด้วย
หลังจากชำระล้างแล้ว ขั้นตอนสำคัญต่อไป คือการเพิ่มพลังบวก เพิ่มสิริมงคล ซึ่งก็มีหลายวิธีด้วยกัน เช่น เพิ่มด้วยพลังจิต เพิ่มด้วยเสียงและพลังธรรมชาติ เพิ่มด้วยเสียงเพลงบรรเลง เพิ่มด้วยเสียงสวดมนต์ เพิ่มด้วยการปลุกเสกจากเกจิอาจารย์ เพิ่มด้วยการนำหินไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ เพิ่มด้วยการใส่หินไปทำบุญหรือปฏิบัติธรรม ฯลฯ
แต่ในบทความนี้ปริณจะขอพูดถึงเรื่องการเพิ่มพลังหินด้วยการ "ฟังเสียงสวดมนต์"
เสียงสวดมนต์ที่ขลังที่สุด คือ "เสียงของตัวเราเอง" ค่ะ ขลังมาก เพราะสวดเองต้องใช้ความอดทน ความมุ่งมั่น เพราะสวดมนต์ไม่ใช่สวดวันเดียว ต้องสวดเป็นประจำต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ต้องมีวินัย มีความปิติยินดีที่จะสวด สิ่งนี้จะส่งเป็นพลังได้ดีมากออกมาจากตัวเราเองถือว่าเยี่ยมที่สุด เพราะเราสวดแบบไม่ต้องถวายปัจจัยให้ตัวเอง เป็นการสวดมนต์ที่บริสุทธิ์มาก ขณะสวดก็ให้นำหินมาวางไว้ใกล้ๆ ค่ะ ให้เค้าได้ซึมซับพลังงานดีๆตรงนี้ไปด้วย
แต่...ในยุคปัจจุบันที่ชีวิตเราค่อนข้างเร่งรีบ ยุ่งเหยิง ไม่ค่อยมีเวลา กลับถึงบ้านกว่าจะเสร็จภารกิจต่างๆ ก็ง่วงแล้ว นอนดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ (ใครเป็นแบบนี้ยกมือขึ้น.....โอ้ว..ประมาณล้านแปดแสนคน) จึงมีบางคนค่ะ หัวใสใช้วิธีใหม่ อาศัยเทคโนโลยีเข้ามาช่วย นั่นก็คือการเปิดเสียงสวดมนต์จากเครื่องเล่นแทน ซึ่งวิธีนี้ก็เป็นวิธีที่ปริณใช้เป็นประจำ ก่อนที่จะเปลี่ยนมาสวดมนต์ด้วยตัวเอง ถามว่าใช้ได้ไหม ใช้ได้ค่ะ ปริณเคยคุยเรื่องนี้กับผู้รู้หลายท่าน ก็ตอบว่าใช้ได้ ถึงจะไม่ดีเท่าเราสวดเอง แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย
ทีนี้...ถ้าใครใช้วิธีนี้ ปริณก็จะขอแนะนำเพิ่มเติมสักนิดนึง ในเรื่องของการเลือกบทสวดมนต์ที่คุณจะเปิด หรือจะสวดก็แล้วแต่นะคะ พูดถึงการสวดมนต์ก่อนนะคะ ปริณก็ได้รับคำแนะนำมาหลากหลายเหลือเกิน ญาติผู้ใหญ่ปริณหลายๆ คนบอกว่า อย่าสวดเยอะ อย่าสวดบทใหญ่ เพราะศีลเราไม่พอ บารมีเราไม่ถึง บางบทต้องให้พระเป็นผู้สวด ถ้าเราสวดผิดๆ ถูกๆ จะยิ่งทำให้แย่ ไม่เป็นผลดีกับตัวเอง ... เอาละซิ ทีนี้จะสวดอะไรล่ะ นะโม 3 จบ อะระหังสัมมา...อิติปิโส แค่นี้ได้ไหม ... อันนี้ท่านผู้ติดตามไปศึกษาเพิ่มเติมกันเองนะคะ แต่ที่ปริณจะเล่าต่อไปนี้คือจากประสบการณ์ที่ผ่านๆ มาค่ะ
1. ในเมื่อบทใหญ่ๆ เราสวดเองไม่ได้ เราก็ใช้วิธีเปิดเสียงสวดมนต์ของพระที่เค้าบันทึกเสียงไว้ในการสวดในงานต่างๆ ค่ะมาเปิดแทน แต่ต้องเลือกบทให้ดี บางบทไม่เหมาะจะเปิดให้หินฟังเพราะเป็นบทปลงอนิจจัง ละแล้วซึ่งกิเลส เรายังมีกิเลสค่ะ ยังอยากได้เงินได้ทอง ได้ความรัก ได้ความเมตตา เลือกบทที่ส่งเสริมแต่ละด้านนะคะ แล้วจะดูได้จากไหน? ไม่ยากค่ะ เสริชในเน็ตเลยค่ะ "คำแปลบทสวดมนต์ ....(ชื่อบทอะไรก็ว่าไปค่ะ)" ชินบัญชร พาหุงมหากา มหาเมตตาใหญ่ ฯลฯ เสริชดูค่ะ แล้วเลือกให้ถูกจริตของสิ่งที่ท่านต้องการ
2. เราสวดเอง สวดบทที่เกี่ยวกับเงินทองโชคลาภค้าขายล้วนๆ เลยค่ะ จัดไป...
3. หาบทที่ถูกโฉลกกับคุณ ... ถึงแม้ว่าจะมีผู้รู้บอกเราว่าไม่ควรสวดมนต์บทใหญ่ๆ เกินศีล เกินบุญบารมีของเรา แต่ปริณก็ชอบทดลองค่ะ ลองสวดบางบทที่อยากสวด แล้วสังเกตค่ะ ว่าสวดแล้วเป็นยังไง สวดแล้วเงินเข้าดีไหม หรือสวดแล้วทั้งวันไม่มีคนไลน์หาเลย...อ่ะ อันนี้ก็ไปสังเกต และทดลองกันเองค่ะ
4. เปิดบทสวดสรรเสริญพระพิฆเนศ พระแม่ลักษมี เทพต่างๆ ที่ท่านนับถือ เพราะเทพยังต้องการสั่งสมบุญบารมีค่ะ ท่านยังไม่หลุดพ้นเป็นพระโพธิสัตย์ หากท่านได้ช่วยมนุษย์ มนุษย์ทำบุญให้ท่านสรรเสริญท่านก็จะยิ่งมีบารมี ท่านยังช่วยเราเลือกทางโลกได้ (...อันนี้ก็มีผู้รู้ว่ามา ท่านใดมีความรู้แขนงนี้เพิ่มเติมคุยแลกเปลี่ยนกับปริณได้นะคะ...)
ทั้ง 4 ข้อนี้ก็ลองนำไปใช้กันดูค่ะ ได้ผลอย่างไร ช่วยกลับมาเล่าให้ฟังกันด้วยนะคะ อย่าให้ปริณคุยอยู่คนเดียวแลกเปลี่ยนกันค่ะ บางเรื่องเราก็ลองผิดลองถูก บางเรื่องมีผู้รู้บอกมา แต่เราก็ยังต้องลองทดสอบด้วยตัวเองอยู่ดี เพราะเรายึดหลักกาลามสูตรของพระพุทธเจ้า
- อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน)
- อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา (มา ปรมฺปราย)
- อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย)
- อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน)
- อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ)
- อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ)
- อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน)
- อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)
- อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย)
- อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ)
ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับพลังหินและสิ่งอันเป็นมงคลที่ท่านบูชาค่ะ
ปริณ แก้ววัชรพล
www.MasterPrin.com